มาร์กุส ลิกินิอุส กรัสซุส (/ˈkræsəs/; ปี 115 – 53 ก่อนคริสตกาล) เป็นแม่ทัพและนักการเมืองชาวโรมันที่มีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงจาก
สาธารณรัฐโรมันมาเป็น
จักรวรรดิโรมัน เขายังถูกเรียกว่า "คนรวยที่สุดในกรุงโรม"
[2][4]กรัสซุสได้เริ่มต้นอาชีพสาธารณะในฐานะผู้บัญชาการทหารภายใต้บัญชาการของ
ลูซิอุส คอร์นิลีอุส ซูลลา ในช่วงสงครามกลางเมืองของเขา ตามมาด้วยการถือสิทธิ์ในการเป็นเผด็จการของซูลลา กรัสซุสได้รวบรวมทรัพย์สินมหาศาลจากการเก็งกำไรที่ดิน กรัสซุลได้ก้าวขึ้นสู่การมีชื่อเสียงทางการเมือง ภายหลังจากที่เขาได้ปราบปราม
กบฏทาสภายใต้การนำของ
สปาร์ตากุสจนได้รับชัยชนะ ได้ทำการแบ่งปันกันในการเป็น
กงสุลกับ
ปอมปีย์มหาบุรุษ คู่แข่งของเขาด้วยการที่เป็นผู้อุปถัมภ์ทางการเมืองและการเงินของ
จูเลียส ซีซาร์ ซีซาร์ได้ร่วมมือกับกรัสซุสและปอมปีย์ในการเป็นพันธมิตรทางเมืองอย่างไม่เป็นทางการซึ่งเป็นที่รู้จักกันคือ
คณะสามผู้นำที่หนึ่ง ทั้งสามคนต่างมีอำนาจครอบงำในระบบการเมืองของโรมัน แต่การเป็นพันธมิตรก็ดำรงอยู่ได้ไม่นาน เนื่องจากความมักใหญ่ใฝ่สูง อัตตา และความอิจฉาของทั้งสามคน ในขณะที่ซีซาร์และกรัสซุสเป็นพันธมิตรกันมาตลอดทั้งชีวิต กรัสซุสและปอมปีย์ต่างไม่ชอบหน้ากันและกัน และปอมปีย์เริ่มอิจฉาถึงความสำเร็จอันงดงามของซีซาร์ใน
สงครามกอลมากขึ้นเรื่อย ๆ พันธมิตรได้ถูกฟื้นฟูขึ้นมาอีกครั้งที่
การประชุมลุกกา ในปี 56 ก่อนคริสตกาล ภายหลังจากกรัสซุสและปอมปีย์ได้ร่วมมือกันอีกครั้งในการดำรงตำแหน่งกงสุส ภายหลังการดำรงตำแหน่งกงสุสครั้งที่สอง กรัสซุสได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้ว่าการทหารใน
โรมันซีเรีย กรัสซุสได้ใช้ซีเรียเป็นฐานที่มั่นสำหรับการทัพทางทหารในการทำศึกกับ
จักรวรรดิพาร์เธีย ศัตรูจากตะวันออกที่มีมายาวนานของโรมัน การทัพของกรัสซุสได้ประสบความล้มเหลวอย่างรุนแรง ซึ่งจบลงด้วยความปราชัยและความตายใน
ยุทธการที่กาเรห์การตายของกรัสซุสทำให้ความเป็นพันธมิตรระหว่างซีซาร์และปอมปีย์ต้องขาดสะบั้นลงอย่างถาวร เนื่องจากอิทธิพลทางการเมืองและความมั่นคั่งของเขาเป็นตัวถ่วงดุลอำนาจของกลุ่มทหารที่ยิ่งใหญ่ทั้งสองฝ่าย ภายในเวลาสี่ปีหลังการตายของกรัสซุส ซีซาร์ได้
ข้ามแม่น้ำรูบิคอนและเริ่มทำ
สงครามกลางเมืองกับปอมปีย์และ
ฝ่ายออปติเมตส์[5]